นวตกรรมและเทคโนโลยี

 นวัตกรรมและเทคโนโลยี
ความหมายของนวัตกรรม
‚นวัตกรรม‛ (Innovation) มีรากศัพท์มาจาก innovare ในภาษาลาติน แปลวา่ ทา สิ่งใหม่ข้ึนมา
ความหมายของนวัตกรรมในเชิงเศรษฐศาสตร์คือ การนา แนวความคิดใหม่หรือการใชป้ ระโยชน์จากสิ่งที่มี
อยแู่ ลว้มาใชใ้นรูปแบบ ใหม่ เพื่อทา ใหเ้กิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือก็คือ‛การทา ในสิ่งที่แตกต่างจากคน
อื่น โดยอาศยัการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ (Change) ที่เกิดข้ึนรอบตวัเราใหก้ลายมาเป็นโอกาส (Opportunity)
และถ่ายทอดไปสู่แนวความคิดใหม่ที่ทา ใหเ้กิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม‛ แนวความคิดน้ีไดถูก้
พฒั นาข้ึนมาในช่วงตน้ศตวรรษที่ 20 โดยจะเห็นไดจ้ากแนวคิดของนกัเศรษฐอุตสาหกรรม เช่น ผลงานของ
Joseph Schumpeter ใน The Theory of Economic Development,1934 โดยจะเน้นไปที่การสร้างสรรค์ การ
วิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อนัจะนา ไปสู่การไดม้าซ่ึง นวตักรรมทางเทคโนโลยี
(I n n o v a t i o n T e c h n o l o g y )
ส านักงานนวัตกรรมแห่งชาติได้ให้ความหมายของคา วา่ นวัตกรรม (innovation) คือ ‚สิ่งใหม่ที่เกิด
จากการใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม" และหมายรวมถึงสิ่งที่
เกิดข้ึนจากความสามารถในการใชค้วามรู้ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะ และประสบการณ์ทางเทคโนโลยีหรือ
การจดัการมาพฒั นาให้เกิดผลิตภณั ฑ์หรือกระบวนการผลิต หรือบริการใหม่ เพื่อตอบสนองความตอ้งการ
ของตลาด ตลอดจนการปรับปรุงเทคโนโลยีการแพร่กระจายเทคโนโลยีการออกแบบผลิตภณั ฑ์และการ
ฝึกอบรมที่นา มาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและก่อให้เกิดประโยชน์ สาธารณะในรูปแบบของการเกิด
ธุรกิจการลงทุน ผปู้ระกอบการ หรือตลาดใหม่่หรือรายไดแ้หล่งใหม่รวมท้งัการจา้งงานใหม่นวัตกรรมจึง
เป็นกระบวนการที่เกิดจากการนา ความรู้และความคิดสร้างสรรค์มาผนวก กบัความสามารถในการบริหาร
จัดการ เพื่อสร้างให้เกิดเป็นธุรกิจนวตักรรมหรือธุรกิจใหม่อนัจะนา ไปสู่การลงทุนใหม่ที่ส่งผลต่อการเพิ่ม
ขีดความสามารถในการแข่งขนัของ ประเทศ
ดร.เศรษฐชัย ชัยสนิท (2553) ไดใ้ห้ความหมายของคา วา่ นวัตกรรม (Innovation) หมายถึงการท า
สิ่งต่างๆ ดว้ยวิธีการใหม่ๆ และยังอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางความคิด การผลิต กระบวนการ หรือ
องค์กร ไม่ว่าการเปลี่ยนน้ันจะเกิดข้ึนจากการการพฒั นาต่อยอด การเปลี่ยนแปลง การประยุกต์หรือ
กระบวนการ และในหลายสาขา เชื่อกนั ตรงกนัวา่ การที่สิ่งใดสิ่งหน่ึงจะเป็นนวตักรรมไดน้ ้นั จะต้องมีความ
ใหม่อยา่ งเห็นไดช้ดั และความใหม่น้นั จะตอ้งเพิ่มมูลค่าสิ่งต่าง ๆ ไดอ้ีกดว้ย โดยเป้าหมายของนวตักรรมคือ
การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก เพื่อทา ให้สิ่งต่างๆเกิดเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีข้ึน นวัตกรรมก่อให้ไดผ้ลิตผล
เพิ่มข้ึน และเป็นที่มาสา คญั ของความมนั่ คงทางเศรษฐกิจและสังคมของชาติ อัจฉรา ส้มเขียวหวาน (2549) ใหค้วามหมายของนวตักรรมวา่ นวตักรรมคือ ความ คิดหรือการ
ปฏิบตัิใหม่ๆที่ผดิแปลกไปจากสิ่งที่เคยปฏิบตัิมาท้งัหมดหรือการ เปลี่ยนแปลงบางส่วนจากสิ่งที่เคยปฏิบตัิ
มาก่อนที่เกิดจากกระบวนการวจิยัที่ ยงัไม่เป็นส่วนหน่ึงของระบบงานในปัจจุบนั เพื่อจะนา มาใชใ้นการ
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการดา เนินงานต่างๆใหม้ีประสิทธิภาพ สูงยงิ่ ข้ึน
ส านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (2546) นวัตกรรม (Innovation) หมายถึง วธิีการใหม่ๆ
ที่นา มาใช้ซ่ึงไม่เคยใชใ้นหน่วยงานน้นั มาก่อน อาจเป็นวธิีการใหม่ที่ใชเ้ป็นคร้ังแรก หรืออาจเป็นวธิีการ
ใหม่ที่เคยใชใ้นหน่วยงานอื่นมาก่อน
อ านวย เดชชัยศรี (2544)ให้ความหมายของนวตักรรมไวว้า่ นวตักรรมคือ ความใหม่และทนั สมยั
ซ่ึงถูกคนพบโดยสิ่งน้นัไม่เคยมีมาก่อนในโลกน้ีเพิ่งจะมีเป็นคร้ังแรก อีกประการหน่ึงสิ่งที่ถูกคน้ พบถูกเก็บ
ซ่อนไวโ้ดยยงัไม่ผา่ นกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ เมื่อนา มาทดสอบหรือทดลองก็เป็นนวตักรรม
กิดานันท์ มลิทอง (2540) ได้กล่าวไวว้า่ นวตักรรมเป็นแนวความคิดการปฏิบตัิหรือสิ่งประดิษฐ์
ใหม่ๆ ที่ยงัไม่เคยมีใชม้ าก่อนหรือเป็นการพฒั นาดดัแปลงจากของเดิมที่มีอยแู่ ลว้ให้ทันสมัยและใช้ได้ผลดี
ยงิ่ ข้ึน เมื่อน านวัตกรรมมาใชจ้ะช่วยใหก้ารทา งานน้นัไดผ้ลดีมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลสูงกวา่ เดิม ท้งั
ยงัช่วยประหยดัเวลาและแรงงานไดด้ว้ย
 Everette M. Rogers (1983) ไดใ้ห้ความหมายของคา วา่ นวตักรรม (Innovation) ว่า นวตักรรมคือ
ความคิดการกระทา หรือสิ่งใหม่ ซ่ึงถูกรับรู้ว่าเป็นสิ่งใหม่ๆ ดว้ยตวับุคคลแต่ละคนหรือหน่วยอื่น ๆ ของ
การยอมรับในสังคม (Innovation is a new idea, practice or object, that is perceived as new by the
individual or other unit of adoption)
Toffler (2003) ใหค้วามหมายของนวตักรรมไวว้า่ นวตักรรม เป็นการผสมผสานระหวา่ งเครื่องมือ
กล และเทคนิคต่างๆ ที่มี3ลกัษณะประกอบกนัไดแ้ก่
1. จะตอ้งเป็นการสร้างสรรคข์้ึนใหม่ (creative) และเป็ นความคิดที่สามารถปฏิบัติได้ (feasible
idea)
2. จะต้องสามารถน าไปใช้ได้ผลจริง (practical application)
3. มีการเผยแพร่ออกสู่ชุมชน (Distribution)
Thormas Hughes (2003) ให้ความหมายของนวัตกรรม (innovation) ไวว้า่ เป็นการนา วธิีการ
ใหม่ๆมาปฏิบตัิหลงัจากไดผ้า่ นการทดลองหรือไดร้ับการพฒั นามาเป็นข้นั ๆแลว้ โดยเริ่มมาต้งัแต่การ
1. คิดค้น(invention)
2. การพัฒนา(development) หรือโครงการทดลองปฏิบตัิก่อน (pilot project)
3. น าไปปฏิบัติจริง (implement)  โดย สรุปแล้ว นวัตกรรมหมายถึง ความคิดและกระบวนการใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนหรือการพฒั นา
ดดัแปลงจากของเดิมใหด้ีข้ึนและเมื่อนา มาใช้ก็ทา ใหง้านมีประสิทธิภาพมากข้ึน
ลักษณะของนวัตกรรม
1. น วั ต ก ร ร ม ใ ห ม่ อ ย่ า ง สิ้ น เ ชิ ง ( Radical Innovation)
 หมายถึง ขบวนการเสนอสิ่งใหม่ที่ใหม่อยา่ งแทจ้ริง สู่สังคม โดยการเปลี่ยนแปลงค่านิยม
(value), ความเชื่อ (belief ) เดิม ตลอดจนระบบคุณค่า(value system)ของสังคม อย่างสิ้นเชิง
ตวัอยา่ งเช่นอินเตอร์-เน็ท (Internet) จดัวา่ เป็นนวตักรรมหน่ึงในยุคโลกขอ้ มูลข่าวสาร การน าเสนอ
ระบบอินเตอร์เน็ท ทา ใหค้ ่านิยมเดิมที่เชื่อวา่ โลกขอ้มูลข่าวสารจา กดัอยู่ในวงเฉพาะท้งัในดา้นเวลา
และ สถานที่น้นั เปลี่ยนไป อินเตอร์เน็ทเปิดโอกาส ให้ความสามารถในการเข้าถึงขอ้ มูลไร้ขีดจา กดั
ท้งัในดา้นของเวลาและระยะทาง การเปลี่ยนแปลงในคร้ังน้ีทา ให้ระบบคุณค่าของขอ้ มูลข่าวสาร
เปลี่ยนแปลงไป2. น วั ต ก ร ร ม ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ ค่ อ ย เ ป็ น ค่ อ ย ไ ป
 เป็ น ขบวนการการค้นพบ (discover) หรือคิดคน้ สิ่งใหม่(invent)โดยการประยุกต์ใช้แนวคิด
ใหม่ (new idea) หรือ ความรู้ใหม่ (new knowledge) ที่มีลกั ษณะต่อเนื่องไม่สิ้นสุด โดยการ
ประยุกต์ใช้แนวคิดใหม่ หรือความรู้ใหม่ของมนุษย์และการคน้ คน้ เทคนิค (technique) หรือ
เทคโนโลยี(technology) ใหม่นวตักรรมที่มีลกั ษณะค่อยเป็นค่อยไป จึงมีลักษณะของการสะสม
การเรียนรู้ (cumulative learning) อยใู่ นบริบท ของสังคมหนึ่ง ในปัจจุบันสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป
อยา่ งมาก เพราะผลของขบวนการโลกาภิวัตน์ ท าให้สังคมมีลักษณะไร้ขอบเขต (borderless) เป็ น
สังคมของชาวโลกที่มีความหลากหลายทางด้านสังคมวัฒนธรรมและการเมือง ส่งผลให้นวตักรรม
มีแนวโน้มที่จะเป็ น ขบวนการคน้ พบใหม่อย่างต่อเนื่องในระดบั นานาชาติมากกว่า ที่จะเป็ น
นวตักรรมใหม่โดยสิ้นเชิง สา หรับสังคมหน่ึง ๆ
ประเภทของนวัตกรรม
1. นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ (Product Innovation)
 คือการปรับปรุงผลิตภณั ฑท์ ี่ผลิตข้ึนในเชิงพาณิชยท์ ี่ไดใ้หด้ีข้ึนหรือเป็นสิ่ง ใหม่ในตลาด
นวตักรรมน้ีอาจจะเป็นของใหม่ต่อโลก, ต่อประเทศหรือแมแ้ต่ต่อองคก์ร นวตักรรมผลิตภณั ฑ์น้นั
ยงัสามารถถูกแบ่งออกเป็นผลิตภณั ฑท์ ี่จบั ตอ้งได(้tangible product) หรือสินคา้ทวั่ ไปเช่นรถยนตร์ุ่น
ใหม่, ทีวีที่ใช้เทคโนโลยีสูงหรือ‘High Definition TV(HDTV)’, ดีวีดีหรือ‘Digital Video
Disc(DVD)’ และผลิตภณั ฑท์ ี่จบั ตอ้งไม่ได้(intangible product) อาทิเช่น การบริการ (services)
เช่น เพกเก็จทวัร์อนุรักษธ์รรมชาติ, ธุรกรรมการเงิน-ธนาคารโดยผา่ นทางโทรศพท์ ( ั telephone
finance banking)เป็ นต้น
2. นวัตกรรมกระบวนการ (Process Innovation)
 เป็ นการ เปลี่ยนแนวทาง หรือ วิธีการผลิตสินค้า หรือบริการ ให้การให้บริการในรูปแบบที่
แตกต่างออกไปจากเดิม เช่น การผลิตแบบทันเวลาพอดี หรือ‘Just In Time (JIT)’ , การบริหารงาน
คุณภาพองค์กรรวมหรือ‘Total Quality Management (TQM)’, และการผลิตแบบกระทัดรัดหรือ ‘
Lean Production ’ เป็ นต้นข้อสังเกตเกี่ยวกับสิ่งที่ถือว่าเป็ นนวัตกรรม
1. เป็นความคิดและกระบวนการกระทา ใหม่ท้งัหมดหรือปรับปรุงดดัแปลงจากที่สิ่งที่เคยมีนา มาปรับปรุง
ใหม่ใหด้ียงิ่ ข้ึน
2. ความคิดหรือการกระทา น้นั มีการพิสูจน์ดว้ยการทดลองวจิยั ผลสัมฤทธ์ิการดา เนินงานมีประสิทธิภาพ
สูงข้ึน
3. มีการนา วธิีระบบมาใชอ้ยา่ งชดัเจนโดยพิจารณาองคป์ ระกอบท้งั 3 ส่วน คือขอ้ มูลกระบวนการและ
ผลลัพธ์
4. ยงัไม่เป็นส่วนหน่ึงส่วนใดของระบบงานในปัจจุบัน
หลกัสา คญั ในการพิจารณาวา่ เป็นนวตักรรม จากความหมายของคา วา่ นวตักรรมจะเห็นวา่ นกัการศึกษาแต่
ละท่านไดใ้หค้วามหมายไว้แตกต่างกนั แต่พอจะมีเกณฑ์ใหเ้ราพิจารณาไดว้า่ สิ่งใดเป็นนวตักรรมหรือไม่
โดย ชัยยงค์พรหมวงศ์ไดใ้หเ้กณฑใ์นการพิจารณาสิ่งที่จะถือวาเป็ น ่ นวตักรรมไวด้งัน้ี
1. จะตอ้งเป็นสิ่งใหม่ท้งัหมดหรือบางส่วน
2. มีการน าวิธีการจัดระบบมาใช้โดยพิจารณาองคป์ ระกอบท้งัส่วนขอ้มูลที่ใส่เขา้ไป กระบวนการและ
ผลลัพธ์ใหเ้หมาะสมก่อนที่จะทา การเปลี่ยนแปลง
3. มีการพิสูจน์ดว้ยการวจิยั หรืออยรู่ ะหวา่ งการวจิยัวา้จะช่วยใหก้ารดา เนินงานบางอยา่ งมีประสิทธิภาพ
สูงข้ึน
4. ยงัไม่เป็นส่วนหน่ึงของระบบงานในปัจจุบนั หากกลายเป็นส่วนหน่ึงของระบบงานที่ดา เนินอยใู่ นขณะน้ี
ไม่ถือวา่ เป็นนวตักรรม
หลักส าคัญในการน านวัตกรรมเข้ามาใช้
การที่จะรับนวัตกรรมเข้ามาใช้ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งน้นั จา เป็นที่จะตอ้งมีการพิจารณาอยา่ งรอบคอบถึง
ประโยชน์ที่จะได้รับ ความเหมาะสม ความเป็นไปได้ตลอดจนความคุม้ค่าของการนา มาใชโ้ดยคา นึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดงัต่อไปน้ี
(กิดานนั ท์มลิทอง. 2541:246)
1. นวตักรรมที่จะนา มาใชน้ ้นั มีจุดเด่นที่เห็นไดช้ดักวา่ วสัดุอุปกรณ์หรือวธิีการที่ใชอ้ยใู่ นปัจจุบนั มากนอ้ย
เพียงใด
2. นวตักรรมน้นั มีความเหมาะสมหรือไม่กบัระบบหรือสภาพที่เป็นอยู่
3. มีการวจิยัหรือกรณีศึกษาที่ยนืยนัแน่นอนแลว้วา่ สามารถนา มาใชไ้ดด้ีในสภาวการณ์ที่คลา้ยคลึงกนั น้ี
4. นวตักรรมน้นั มีความเกี่ยวขอ้งกบัความตอ้งการของผใู้ชอ้ยา่ งจริงจงั
สถานะของนวัตกรรม
1. ความคิดหรือการปฏิบตัิใหม่น้นั อาจเก่ามาจากที่อื่นและเหมาะที่จะนา มาปฏิบตัิกบั สถานที่น้ีใน
สถานะการณ์ปัจจุบัน
2. ความคิดหรือการปฏิบตัิใหม่น้นัคร้ังหน่ึงเคยนา มาใช้แต่ไม่ไดผ้ลและลม้ เลิกไป เนื่องจากเกิดปัญหาต่าง ๆ
และความไม่พร้อมในระยะน้นั แต่ในสภาพปัจจุบนัความคิดหรือการปฏิบตัิใหม่น้นั เหมาะสมที่จะนา มาใช้
อีกคร้ังหน่ึง
3. ความคิดหรือการปฏิบตัิใหม่น้นั มีความสอดคลอ้งและเหมาะสมกบัการปฏิบตัิงาน เพื่อแกป้ ัญหาบางอยา่ ง
และจะช่วยใหบ้ รรลุตามเป้าหมายที่กา หนดไวอ้ยา่ งมีประสิทธิภาพ
4.ความคิดหรือการปฏิบตัิใหม่น้นัถูกปฏิเสธมาคร้ังหน่ึงแลว้ อาจเนื่องมาจากผบู้ริหารไม่สนบั สนุน หรือมี
เจตคติิิที่ไม่ดีต่อความคิดหรือการปฏิบตัิใหม่น้นั ต่อมาผบู้ริหารได้เปลี่ยนเจตคติไปในทางที่ดีหรือมีการ
เปลี่ยนแปลงผบู้ริหารใหม่ทา ใหค้วามคิดหรือการปฏิบตัิใหม่น้นัไดร้ับการสนบั สนุนนา มาใช้
5. ความคิดหรือการปฏิบตัิใหม่ที่ไม่เคยมีใครคิดหรือปฏิบตัิมาก่อน เป็นสิ่งที่ไดร้ับ การคิดคน้ ไดเ้ป็นคนแรก
ปัจจัยส าคัญที่มีอิทธิพลอันมีผลท าให้เกิดนวัตกรรม
1. แนวความคิดพ้ืนฐานในเรื่องความแตกต่างระหวา่ งบุคคล(Individual Different) นวตักรรมที่เกิดข้ึนเพื่อ
สนองแนวความคิดพ้ืนฐานน้ีเช่น
-การเรียนแบบไม่แบ่งช้นั (Non-Graded School)
-แบบเรียนส าเร็จรูป (Programmed Text Book)
- เครื่องสอน (Teaching Machine)
-การสอนเป็ นคณะ (TeamTeaching)
-การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School)
- เครื่องคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction) 2. แนวความคิดพ้ืนฐานในเรื่องความพร้อม (Readiness) นวตักรรมที่สนองแนวความคิดพ้ืนฐานดา้นน้ีเช่น
-ศูนย์การเรียน (Learning Center)
-การจัดโรงเรียนในโรงเรียน (School within School)
-การปรับปรุงการสอนสามช้นั (Instructional Development in 3 Phases)
3. แนวความคิดพ้ืนฐานในเรื่องการใชเ้วลาเพื่อการศึกษา นวัตกรรมที่ สนองแนวความคิดเช่น
-การจดั ตารางสอนแบบยดืหยนุ่ (Flexible Scheduling)
- มหาวิทยาลัยเปิ ด (Open University)
-แบบเรียนส าเร็จรูป (Programmed Text Book)
-การเรียนทางไปรษณีย์
4. แนวความคิดพ้ืนฐานในเรื่องการขยายตวัทางวชิาการและอตัราการเพิ่มประชากร นวตักรรมในดา้นน้ีที่
เกิดข้ึน เช่น
- มหาวิทยาลัยเปิ ด
-การเรียนทางวิทยุ การเรียนทางโทรทัศน์
-การเรียนทางไปรษณีย์ แบบเรียนส าเร็จรูป
- ชุดการเรียน
เทคโนโลยี
 ค า วา่ เทคโนโลยี ตรงกบัคา ภาษาองักฤษวา่ "Technology" ซ่ึงมาจากภาษากรีกวา่ "Technologia"
แปลวา่ การกระทา ที่ระบบ อยา่ งไรก็ตามคา วา่ เทคโนโลยีมกันิยมควบคู่กบัคา วา่ วทิยาศาสตร์โดยเรียกรวม
ๆ วา่ "วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี" ซึ่ง พจนานุกรมฉบับ ราชบัณฑิตยสถาน (2539) ได้ให้ความหมาย
ของเทคโนโลยี คือ วิทยาการ ที่เกี่ยวกบัศิลปะในการนา เอวทิยาศาสตร์ประยกุ ตม์ าใชใ้หเ้กิดประโยชน์
ในทาง ปฏิบัติและอุตสาหกรรม นอกจากน้นัยงัมีผใู้หค้วามหมายของเทคโนโลยไีวห้ลากหลาย ดงัน้ีคือ
ารานุกรมเอ็นคาร์ทา(Encarta1999)ไดใ้หท้ ี่มาและความหมายของคา วา่ เทคโนโลย(Technology) ี ไวว้า่
Technologyเป็ นค าที่มาจากภาษากรีก2คา รวมกนั คือTekhneหมายถึงศิลปหรืองานช่างฝีมือ(art of craft)และ
logiaหมายถึง สาขาวิชาของการศึกษา(art of study)ดงัน้นัถา้จะแปลตามตวัแลว้เทคโนโลยี จึงหมายถึง
การศึกษาหรือศาสตร์ของงานช่างฝีมือ
พจนานุกรมเว็บสเทอร์(Websters1994)ไดใ้หค้วามหมายของคา วา่ เทคโนโลยีไวด้งัน้ี1)ก.การใช้ทาง
วทิยาศาสร์โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เพื่อวตัถุประสงคท์ างดา้นอุตสาหกรรมและพานิชกรรม ข.องคร์วมท้งัหมดของวธิีการและวสัดุที่ใชเ้พื่อบรรลุตามวตัถุประสงคท์ ี่ต้งัไว2)้ องคค์วามรู้ที่มีอยใู่ นอารยธรรมเพื่อใชใ้นการ
เพิ่มพนู ฝึกหดัดา้นศิลปะและทกัษะความชา นาญ เพื่อใหไ้ดม้าซ่ึงวสัดุ
เดล(Dale 1969)ใหค้วามหมายวา่ เทคโนโลยปีระกอบดว้ยผลรวมของการทดลอง เครื่องมือและ
กระบวนการ ซ่ึงสิ่งท้งัหลายเหล่าน้ีเกิดจากการเรียนรู้ทดลองและไดร้ับการปรับปรุงแกไ้ขมาแลว้
กลัเบรท(Galbraith1967)ไดใ้หค้วามหมายของคา วา่ เทคโนโลยี ไวด้งัน้ีคือเทคโนโลยเีป็นการใช้
อยา่ งเป็นระบบของวธิีการทางวทิยาศาสตร์หรือความรู้ต่างๆที่รวบรวมไวม้าใชอ้ยา่ งเป็นระบบเพื่อนา ไปสู่
ผลในทางปฏิบัติ
ครรชิต มาลัยวงศ์(2539)ไดใ้หร้ายละเอียดของคา วา่ เทคโนโลยหี มายถึง
1. องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์
2. การประยุกต์วิทยาศาสตร์
3. วัสดุ เครื่องยนต์กลไกเครื่องมือ
4. กรรมวธิีและวธิีดา เนินงานที่เกี่ยวกบัวทิยาศาสตร์ประยกุ ต์
5. ศิลปะและทักษะในการจ าแนกและรวบรวมวัสดุ
กล่าวอีกนยัหน่ึงเทคโนโลยีหมายถึง ทุกสิ่งทุกอยา่ งที่เกี่ยวกบัการผลิต การสร้างและการใชส้ิ่งของ
กระบวนการ หรืออุปกรณ์ที่ไม่ไดม้ีในธรรมชาตินนั่ เอง
 ธรรมนูญ โรจนะบุรานนท์(2531) กล่าววา่ เทคโนโลยีคือความรู้วิชาการรวมกบัความรู้วิธีการ และ
ความช านาญที่สามารถน าไปปฏิบัติภารกิจให้มีประสิทธิภาพสูง โดยปกติเทคโนโลยีน้ันมีความรู้
วทิยาศาสตร์รวมอยดู่ ว้ย น้นัคือวิทยาศาสตร์เป็นความรู้เทคโนโลยีเป็ นการน าความรู้ไปใช้ในทางปฏิบัติจึง
มกันิยมใชส้องคา ดว้ยกนั คือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเนน้ ให้เขา้ใจวา่ ท้งัสองอยา่ งน้ีตอ้งควบคู่กนั
ไปจึงจะมีประสิทธิภาพ
 ช านาญ เชาวกีรติพงศ์ (2534) ไดใ้ห้ความหมายส้ัน ๆ ว่า เทคโนโลยีหมายถึง วิชาที่ว่าดว้ยการ
ประกอบวตัถุเป็นอุตสาหกรรม หรือวชิาช่างอุตสาหกรรม หรือการน าเอาวิทยาศาสตร์มาใช้ในทางปฏิบัติ(สสวท, 2544) เทคโนโลยี (TECHNOLOGY) เป็ นการน าความรู้ทักษะ และทรัพยากรทาง
เทคโนโลยีมาสร้างสิ่งของเครื่องใชห้ รือวธิีการโดยผา่ นขบวนการเพื่อแกป้ ัญหา สนองความตอ้งการหรือ
เพิ่มความสามารถในการทา งานของมนุษย ์
จากการที่มีผู้ให้ความหมายของ เทคโนโลยไีวห้ลากหลาย สรุปไดว้า่ เทคโนโลยีหมายถึงวิชาที่
น าเอาวิทยาการทางวิทยาศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ มาประยกุ ตใ์ชต้ามความตอ้งการของมนุษย์เช่น โรงงาน
อุตสาหกรรม เป็ นต้น ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่ วัทรงกล่าวถึงความหมายของเทคโนโลยเีป็นภาษา ง่าย
ๆ วา่ หมายถึงการรู้จกันา มาทา ใหเ้ป็นประโยชน์นนั่ เอง
ลักษณะของเทคโนโลยี
ลักษณะของเทคโนโลยีสามารถจ าแนกออกได้เป็ น3ลักษณะ คือ (Heinich,Molendaand Russell.
1993)
1. เทคโนโลยีในลักษณะของกระบวนการ( process)เป็นการใชอ้ยา่ งเป็นระบบของวธิีการ
ทางวทิยาศาสตร์หรือความรู้ต่างๆที่ไดร้วบรวมไวเ้พื่อนา ไปสู่ผลในทางปฏิบตัิโดยเชื่อวา่
เป็ นกระบวนการที่เชื่อถือไดแ้ละนา ไปสู่การแกป้ ัญหาต่าง ๆ
2. เทคโนโลยีในลักษณะของผลผลิต(product)หมายถึงวัสดุและอุปกรณ์ที่เป็ นผลมาจากการ
ใช้กระบวนการทางเทคโนโลยี
3. เทคโนโลยีในลักษณะผสมของกระบวนการและผลผลิต(process and product)เช่นระบบ
คอมพิวเตอร์ซึ่งมีการท างานเป็นปฏิสัมพนัธ์ระหวา่ งตวัเครื่องกบัโปรแกรม

การประยุคใช้เทคโนโลยี
Technology
product
process
and
product
processการน า เทคโนโลยมีาใชก้ บังานในสาขาใดสาขาหน่ึงน้นั เทคโนโลยจีะมีส่วนช่วยสา คญั 3 ประการ และถือ
เป็นเกณฑใ์นการพิจารณานา เทคโนโลยมีาใชด้ว้ย(ก่อ สวัสดิพาณิชย์, 2517) คือ
1. ประสิทธิภาพ ( Efficiency ) เทคโนโลยจีะช่วยใหก้ารทา งานบรรลุผลตามเป้าหมายไดอ้ยา่ ง
เที่ยงตรงและรวดเร็ว
2. ประสิทธิผล ( Productivity ) เป็นการทา งานเพื่อใหไ้ดผ้ลผลิตออกมาอยา่ งเตม็ ที่มากที่สุด
เท่าที่จะมากได้เพื่อใหไ้ดป้ ระสิทธิผลสูงสุด
3. ประหยัด ( Economy ) เป็นการประหยดัท้งัเวลาและแรงงานในการทา งานดว้ยการลงทุน
นอ้ยแต่ไดผ้ลมากกวา่ ที่ลงทุนไป
ระดับของเทคโนโลยี
ระดบัของเทคโนโลยสีามารถแบ่งตามความรู้ที่ใชไ้ดเ้ป็น _3_ _ระดับ _ดงัน้ี
1. เทคโนโลยีระดับพ้ืนฐาน (Basic Technology)
คือการใชเ้ครื่องมือหรืออุปกรณ์ง่ายๆ ราคาไม่แพง หรือเป็ นการน าเสนอวัสดุจากธรรมชาติมาใช้โดยตรง
เช่นการนา ไมไ้ผม่ าทา ที่พกัอาศยั หรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น เคียวเกี่ยวขา้วเครื่องทอผ้า เป็ นต้น ลกัษณะแบบน้ี
เรียกวา่ " ภูมิปัญญาทอ้งถิ่น"ลกัษณะงานเช่นน้ีไม่จา เป็นตอ้งใชว้ศิวกรที่มีความรู้มาออกแบบจะใช้
ประสบการณ์หรือประมาณจากการประสบการณ์ของตนเอง
การเกี่ยวขา้วโดยใชแ้รงงานคนเป็นเทคโนโลยรีะดบั พ้ืนฐาน
2. เทคโนโลยีระดับกลาง (Intermediate Technology)เป็นการใชเ้ครื่องมืออุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยทีี่สูงข้ึน มีข้นั ตอนการทา งานซบั ซอ้ น มีการค านวณและมีการวาง
เเผนในการท างานล่วงหนา้ก่อนการทา งาน และผปู้ ฏิบตัิงานกบั เครื่องอุปกรณ์เหล่าน้ีจา เป็นตอ้งมีความรู้
พอสมควรและผลิตภัณฑ์ผลิตออกมาก็มีการใชว้สัดุสังเคราะห์มากข้ึน จากเกษตรพ้ืนบา้นเป็นเกษตรกรรม
เมือง เทคโนโลยใีนระดบั น้ีเช่น การใช้เครื่องจักรแทนคน การใชเ้ครื่องทุ่นแรงการใชส้ิ่งอานวยความ
สะดวกต่าง ๆ เป็ นต้น
การเกี่ยวขา้วโดยใชเ้ครื่องจกัรทุ่นแรงเป็ นเทคโนโลยีระดับกลาง
3. เทคโนโลยขี้นั สูง (High Technology)
เป็ นงานที่ต้องอาศักความรู้ทางวิศวกรรม การศึกษาวจิยั และการพฒั นาอยา่ งต่อเนื่องดา้นเฉพาะดา้นข้นั สูง
เช่น หุ่นยนต์อาคารหรือตึกสูงๆ เครื่องบินโดยสารยานอวกาศรถไฟความเร็วสูง รถแข่ง เป็นตน้ งานเหล่าน้ี
ตอ้งมีการคา นวณอยา่ งละเอียด มีการทดลองใชง้านเพื่อหาขอ้ผดิพลาดก่อนการใชง้านจริงหุ่นยนตเ์ป็นเทคโนโลยรีะดบั สูง
สาขาของเทคโนโลยี
เทคโนโลยเีป็นวทิยาศาสตร์ประยกุ ตท์ ี่ผผู้ลิตเทคโนโลยมีีจุดมุ่งหมายจะแกป้ ัญหาหรือสนองความตอ้งการ
ของมนุษยใ์นรูปแบบต่างๆ _จึงเกิดเป็นเทคโนโลยขี้ึนหลายสาขา_ดงัน้ี
1_._เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์และการผลิต _(_P_r_o_d_u_c_t_i_o_n_ _a_n_d_ _P_r_o_c_e_s_s_
_T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _ใช้ในระบบการผลิต
2_._เทคโนโลยีการควบคุม _(_C_o_n_t_r_o_l_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _ใช้ควบคุมการบริหารจัดการ
ต่างๆ
3_._เทคโนโลยีชีวภาพ _(_B_i_o_t_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _นามาใช้ทางการแพทย์_ทางการเกษตรและ
อุตสาหกรรม
4_._เทคโนโลยีการอาหาร _(_F_o_o_d_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _ใช้ในการถนอมอาหาร _การแปรรูป
อาหาร_บรรจุภัณฑ์_การจดัจาหน่ายอาหาร _และเพิ่มคุณค่าของอาหารตามหลกัโภชนาการ
5_._เทคโนโลยีวัสดุ_(_M_a_t_e_r_i_a_l_s_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _เป็ นเทคโนโลยีที่มีความสาคัญ
ในการผลกัดนัความกา้วหนา้ดา้นอุตสาหกรรมเป็นอยา่ งมาก_เทคโนโลยีวัสดุศาสตร์เน้นการพัฒนาวัสดุ_
อุตสาหกรรมที่มีสมรรถนะสูง _เช่น _การพัฒนาเซรามิกเพื่อใช้ในด้านอุตสาหกรรม _ซ่ึงเป็นไดท้ ้งัตวันา
และฉนวน _เป็นท้งัตวัระบายความร้อนและฉนวนความร้อน _และยงัเป็นวสัดุที่ทนต่อการสึกหรอไดเ้ป็น
อยางดี ่ _เป็ นต้น6_._เทคโนโลยทีางการขนส่ง _(_T_r_a_n_s_p_o_r_t_a_t_i_o_n_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _เป็ น
เทคโนโลยทีี่เกี่ยวขอ้งกบัการขนส่งสินคา้ _ท้งัทางบก_ทางเรือ_และทางอากาศ_เช่น _รถยนต์_รถไฟฟ้ า _
เครื่องบิน _เรือ_เป็ นต้น
7_._เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์_(_E_l_e_c_t_r_o_n_i_c_s_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _เป็ นการ
ประยุกต์ใช้ทฤษฎีและหลักการทางวิทยาศาสตร์สาหรับการออกแบบ _ผลิต _ติดต้งั _ทดสอบ _บริการใช้
สอยและควบคุมชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวขอ้งกบัไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์_เช่น _เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และ
คอมพิวเตอร์_การสื่อสารด้วยระบบเลเซอร์_หุ่นยนต์_ซูปเปอร์คอนดักเตอร์_เป็ นต้น
8_._เทคโนโลยสีิ่งทอและเส้ือผา้_(_T_e_x_t_i_l_e_ _G_a_r_m_e_n_t_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _ใช้
ในการออกแบบผลิตภัณฑ์และการควบคุมการผลิตผลิตภัณฑ์
9_._เทคโนโลยีสารสนเทศ_(_I_n_f_o_r_m_a_t_i_o_n_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _ใช้ในการรวบรวม
ข้อมูลประมวลผลข้อมูล_และนาเสนอข้อมูล
1_0_._เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร _(_I_n_f_o_r_m_a_t_i_o_n_ _a_n_d_
_C_o_m_m_u_n_i_c_a_t_i_o_n_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _เป็นการผสมผสานระหวา่ งเทคโนโลยี
สารสนเทศกบัการสื่อสาร
1_1_._เทคโนโลยีการเกษตร _(_A_g_r_i_c_u_l_t_u_r_a_l_ _T_e_c_h_n_o_l_o_g_y_)_ _คือ_ความรู้_
วิทยาการ_เทคนิค_วธิีการเครื่องจกัรกลที่เกษตรกรนามาใชป้ รับปรุงหรือเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร _เช่น _
เทคโนโลยีในการเพาะปลูก_การขยายพันธุ์พืช _การใส่ปุ๋ย_การกาจัดศัตรูพืช _รวมถึงการเล้ียงสัตว์_
เทคโนโลยกีารเกษตรจะเชื่อมโยงสัมพนัธ์กบั เทคโนโลยอีื่น _ๆ _เช่น _เทคโนโลยีอาหาร _เทคโนโลยี
อุตสาหกรรมอาหาร _เทคโนโลยีชีวภาพ _เป็ นต้น
ลักษณะของเทคโนโลยี
จากสาขาของเทคโนโลยดีงักล่าวหากจดัแบ่งออกเป็นกลุ่มตามลกัษณะของเทคโนโลยสีามารถแบ่งออกเป็น
_2_ _กลุ่ม _ดงัน้ี
1_._เทคโนโลยีที่เป็ นการสร้าง _เป็นเทคโนโลยทีี่มนุษยใ์ชส้ ร้างสิ่งของ _เครื่องมือ_เครื่องใชต้่างๆ _โดยใช้
ความรู้_ทักษะ_และประสบการณ์_เพื่อใช้พัฒนาอาชีพและพฒั นาคุณภาพชีวติใหด้ีข้ึน
2_._เทคโนโลยีที่เป็ นวิธีการ _เป็ นเทคโนโลยีที่มนุษย์ได้เลือกวิธีการใดวิธีการหนึ่งในการทางาน _เพื่อเพิ่ม
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานให้ได้รับความสะดวกสบาย _มีชีวติที่ง่ายข้ึนความแตกต่างระหว่างนวัตกรรมและเทคโนโลยี
สุมิตา บุญวาส (2546) ไดเ้ปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ งนวตักรรมและเทคโนโลยไีวด้งัน้ี
นวตักรรมเป็นการวิจยัหาวสัดุ อุปกรณ์ และวธิีการใหม่ๆ หรือปรับปรุงของเก่าใหไ้ดส้ิ่งที่มี
ประสิทธิภาพมากกวา่ เดิม ส่วน เทคโนโลยี คือ การนา เอาวทิยาศาสตร์มาใชใ้หเ้กิดประโยชนืในการ
ดา เนินงานต่างๆ อยา่ งมีระบบ
อา นวย เดชชยัศรี(2544 ) ไดเ้ปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ งนวตักรรมและเทคโนโลยไีวด้งัน้ี
นวตักรรมเกิดจากแนวคิดและความรู้ใหม่ๆที่เกิดจากการคิดสร้างสรรค์ ส่วนเทคโนโลยเีกิดจากการ
นา นวตักรรมมาพิสูจน์ตามข้นั ตอนทางวทิยาศาสตร์ ผลผลิตจากการพิสูจน์ไดถู้กนา มาใชอ้ยา่ งมีระบบเพื่อ
แกป้ ัญหาต่างๆให้เกิดประสิทธิภาพ
อจัฉรา ส้มเขียวหวาน (2006) ไดเ้ปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ งนวตักรรมและเทคโนโลยไีว้
ดงัน้ี
1. นวัตกรรมเป็นแนวคิด แนวปฏิบตัิ หรือการกระทา ใหม่ๆจะเป็นสิ่งใหม่ท้งัหมดหรือเพียงบางส่วน
ก็ไดแ้ต่เทคโนโลยเีป็นสิ่งที่ผคู้นส่วนใหญ่ยอมรับจนกลายเป็น
แนวปฏิบัติ
2. นวตักรรม อยใู่ นข้นัการเอาไปใชใ้นกลุ่มยอ่ ยเพียงบางส่วนไม่แพร่หลายแต่เทคโนโลยอียู่ ในข้นั
การน าเอาไปปฏิบัติกนั ในชีวิตประจา วนัจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น